ฟิลเลอร์ ปรับรูปหน้า ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกให้ตื้นขึ้น
ความสวยต้องมาพร้อมกับความไว้วางใจได้ NASHA & OBT Dermal Filler สองเทคโนโลยีที่เป็นคำตอบของการปรับรูปหน้าให้แลดูมีมิติได้สัดส่วน เติมเต็มเอกลักษณ์ และเพิ่มความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์พรีเมียมจากสวีเดนที่มีความเหมาะสมกับทุกใบหน้า เพราะเป็นเทคโนโลยีที่มีมาตรฐาน มีประสบการณ์การใช้จริงและมีการศึกษาเรื่องความปลอดภัยทั่วโลก
สองเทคโนโลยี NASHA และ OBT...เพื่อเติมเต็มเอกลักษณ์ความสวยในแบบคุณ
- ฟิลเลอร์ที่พัฒนาให้เหมาะสมกับเนื้อเยื่อแต่ละส่วนของใบหน้า
- เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับทุกใบหน้า
- ปรับรูปหน้าพร้อมเติมเต็มความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ คืออะไร?
ก่อนทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี NASHA & OBT Dermal Filler อย่างละเอียด ลองทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ก่อนว่าคืออะไร? ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มในกลุ่มไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA เมื่อฉีดเข้าไปที่บริเวณชั้นผิวหนัง และใต้ผิวหนัง จะช่วยเติมเต็มผิวหนังบริเวณนั้น ๆ ให้ดูเต็ม และเรียบเนียนขึ้น
Dermal Filler ที่ใช้ในปัจจุบัน คือ HA ซึ่งอยู่ในกลุ่มของโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) ที่มีอยู่ในร่างกาย เช่น ในผิวหนัง เมื่อผสมรวมกับน้ำจะขยายตัวอยู่ในรูปของเนื้อเจล สามารถสลายได้เองเมื่อเวลาผ่านไป ด้วยเอนไซม์ในร่างกาย คือ Hyaluronidase นอกจากนี้ HA จะถูกนำมาผ่านกระบวนการ Cross-Link เพื่อให้มีความคงทนมากขึ้น และอยู่ได้นานขึ้นเมื่อฉีดเข้าไปในผิวหนัง
ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม? เจ็บไหม?
โดยปกติแล้ว Dermal Filler ที่ใช้สำหรับฉีดเพื่อเติมเต็มผิวหนัง คือ HA ที่สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ ด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase ที่ร่างกายสร้างขึ้น โดยจะสลายไปเองเมื่อผ่านไป 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีในการผลิต และตำแหน่งที่ฉีด ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่สำคัญคือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต้องได้รับการรับรองจาก หน่วยงานกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ของแต่ละประเทศ เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย และเป็นผลิตภัณฑ์ของแท้ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบ รวมทั้งคลินิกที่เข้ารับบริการ ต้องเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ให้บริการ เพียงเท่านี้ก็สามารถเข้ารับบริการได้อย่างมั่นใจในความปลอดภัย
ส่วนคำถามที่ว่าฉีดแล้วเจ็บหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์แต่ละท่าน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีในการผลิตที่มีการผสมยาชาไปใน Filler ดังนั้น ในระหว่างที่ทำการฉีด ผู้รับบริการแทบจะไม่รู้สึกเจ็บ
การเช็คฟิลเลอร์ของแท้
สำหรับคนที่ต้องการทราบว่าผลิตภัณฑ์ที่ตนเองเลือกใช้นั้นเป็นของแท้หรือไม่ มีวิธีง่าย ๆ ในการตรวจสอบ ดังนี้
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน eZTracker : Safety in Each Scan โดยยินยอมให้เข้าถึงตำแหน่ง และการใช้งานของกล้องถ่ายรูปได้
- แตะที่ไอคอนกล้องในแอปพลิเคชัน eZTracker
- สแกน QR code บนกล่องผลิตภัณฑ์ โดยสามารถสอบถามจากแพทย์หรือคลินิกที่รับบริการ ก่อนเข้ารับบริการ
- หากหน้าจอเป็นสีเขียว พร้อมระบุข้อความ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ถูกนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดย บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด แสดงว่าเป็นผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ของแท้ แต่หากหน้าจอเป็นสีส้ม แสดงว่าเป็นผลิตภัณฑ์ต้องสงสัย ท่านสามารถกดรายงานผลิตภัณฑ์ต้องสงสัยในหน้าแอปพลิเคชัน เพื่อให้ทางบริษัทตรวจสอบได้ทันที
เทคโนโลยีฟิลเลอร์
ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าส่งผลให้ฟิลเลอร์ถูกพัฒนาเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น ลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตราย โดยธรรมชาติแล้ว Hyaluronic acid (HA) สามารถย่อยสลายได้ด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase ที่ร่างกายผลิตขึ้นมา จึงทำให้ HA ตามธรรมชาติในร่างกายมีอายุเพียง 2-3 วัน ด้วยเหตุนี้จึงมีกระบวนการ Cross-Link เพื่อเพิ่มความคงทน โดยขั้นตอนของการทำ Cross-Link นี้จะใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกันออกไป ส่งผลให้ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ มีคุณสมบัติ ความคงทนที่แตกต่างกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ของกัลเดอร์มา นั้นได้ผสานเทคโนโลยีทั้ง NASHA Technology และ OBT Technology เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ครอบคลุมความต้องการของผู้รับบริการได้มากที่สุด
NASHA และ OBT Dermal Filler คือการใช้สารเติมเต็มกลุ่มไฮยาลูโรนิก แอซิด หรือ HA มาเป็นสารประกอบสำคัญ ช่วยเติมเต็มใบหน้าที่มีริ้วรอย หรือเกิดร่องลึกให้เต็มและดูเรียบเนียน สารชนิดนี้จะคงตัวและสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ นอกจากนี้เทคโนโลยี Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid (NASHA) กับ Optimal Balance Technology (OBT) ทำให้ได้เนื้อเจลที่มีโครงสร้างคล้ายกับธรรมชาติ จุดเด่นของ NASHA &OBT Dermal filler คือ ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ คงอยู่ได้ยาวนาน ไม่เคลื่อนตัวผิดตำแหน่ง สามารถเผยผิวหน้าที่สวยงาม ได้อย่างน่าประทับใจ
NASHA & OBT Dermal Filler ได้ถูกใช้เพื่อ**ลดเลือนริ้วรอย**มาตั้งแต่ปี 1996 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี มากกว่า 50 ล้าน Treatments จากทั่วโลก ในกว่า 80 ประเทศ จึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงามทั่วโลก
NASHA vs OBT ต่างกันอย่างไรไง?
ฟิลเลอร์ทั้ง NASHA และ OBT Dermal Filler นั้น มีคุณสมบัติในการเข้าไปเติมเต็มเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนังให้เพิ่มขึ้น เผยความเต่งตึง กระชับ พร้อมช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนใบหน้า ทำให้อ่อนเยาว์ดูเป็นธรรมชาติในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพราะสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ดังนั้น เมื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ NASHA และ OBT ผสมผสานตามความเหมาะสมของปัญหาแต่ละจุดบนใบหน้า จะทำให้ได้ความสวยอย่างดูเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ NASHA
NASHA Technology เป็นเทคโนโลยีการสร้างเจลที่มีลักษณะคงรูป (Firm Gel) โดยได้มีการเติม BDDE ให้น้อยกว่า 1% เพื่อให้มีความใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการเติมเต็ม ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้เจลแบบคงรูป ทำให้ได้รูปหน้าที่สวยและมีความคมมากขึ้น
NASHA เป็น Dermal Filler ที่มีลักษณะเป็นเจลคงรูป จึงมีความคงตัวและขึ้นรูปได้ดีกับผิวบริเวณที่ฉีดเข้าไป เหมาะกับคนที่มีผิวหน้าแข็งแรง มีความหนา สุขภาพดี แล้วอยากเพิ่มความสวยแบบคม ๆ ให้กับตนเอง
ฟิลเลอร์ OBT
OBT Technology เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ได้เนื้อเจลแบบอ่อนนุ่ม ลักษณะโครงสร้างเป็นแบบตาข่าย ดังนั้นจึงตอบโจทย์ในการเติมเต็มบริเวณใบหน้าที่มีการเคลื่อนไหว หรือคนที่มีผิวค่อนข้างบาง เมื่อฉีดฟิลเลอร์ OBT จะสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของเจลที่เคลื่อนไหวอยู่บนใบหน้า ไม่ทำให้รู้สึกว่ามีก้อนเจลอยู่ ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ความสวยที่ละมุน ดูเป็นธรรมชาติ
OBT เป็น Dermal Filler ลักษณะคล้ายเจลแบบอ่อนนุ่ม ยืดหยุ่นได้ดี เหมาะกับคนที่มีผิวหน้าบาง ฟิลเลอร์ชนิดนี้นิยมฉีดในบริเวณที่ผิวหนังเคลื่อนไหวได้ เช่น รอบริมฝีปาก รอบปาก ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความอ่อนละมุน ดูสวยอย่างเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ ฉีดจุดไหนได้บ้าง?
NASHA และ OBT Dermal Filler ไม่ได้มีแค่ประสิทธิภาพในการเติมเต็มเท่านั้น แต่ฟิลเลอร์ปากยังช่วยในการปรับรูปหน้าในบริเวณต่าง ๆ ให้เป็นสัดส่วน ดูกระชับ ได้รูปอย่างดูเป็นธรรมชาติ เช่น การปรับกรอบใบหน้าให้ชัด สร้างมิติให้ใบหน้า เติมเต็มตามส่วนต่าง ๆ เช่น คาง ร่องใต้ตา ร่องแก้ม แก้ม หน้าผาก เนินอก คอ มือ ริมฝีปาก ขมับ
การฉีดฟิลเลอร์ใช้เวลาในการฟื้นตัวไม่มาก ไม่ต้องพักรักษาตัวนาน แม้ไม่ค่อยมีเวลาก็สามารถฉีดได้ และผลลัพธ์จากการใช้ฟิลเลอร์จะอยู่ได้นาน 1-2 ปี ซึ่งอยู่ที่ปัจจัยของแต่ละคนด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
เพิ่มความอวบอิ่มให้กับบริเวณใต้ดวงตา โดยเฉพาะบริเวณร่องใต้ตาอันเกิดจากการนอนดึก ไม่ได้ดูแลมากพอ หรือวัยที่สูงขึ้น แก้ปัญหาความเหี่ยวย่น ขอบตาดำคล้ำ ตาโหล
ฉีดฟิลเลอร์คาง
ช่วยปรับใบหน้าบริเวณคางให้สมส่วน ดูเรียวและเข้ารูปมากยิ่งขึ้น สวยอย่างดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องกังวลใจว่าจะเกิดปัญหาคางห้อยย้อยลงมาจากอายุที่มากขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ปาก
ปรับริมฝีปากให้ดูกระชับ เข้ารูป มีความอิ่มเอิบ เติมเต็มร่องบริเวณริมฝีปาก จบปัญหาลิปสติกตกร่อง ฟิลเลอร์ปากจะช่วยให้เนื้อปากเกิดความเนียนเรียบ สวยงาม ไม่แห้งกร้านเหมือนอย่างเคย
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ให้ดูเต่งตึง มีน้ำมีนวล ร่องแก้มที่ดูลึกจะมีความกระชับมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัยอย่างเป็นธรรมชาติ
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
ปรับโครงสร้างใบหน้าบริเวณหน้าผากให้ดูเข้ารูป สมส่วน รอยเหี่ยวย่นและร่องหน้าผากที่เกิดจากอายุ หรือพฤติกรรมบางอย่างบนใบหน้า ให้ลดเลือนลงอย่างชัดเจน อีกทั้งบางคนยังเชื่อว่าการมีหน้าผากสวยจะช่วยเสริมดวงด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ใบหน้าส่วนกลาง
เพิ่มความเต่งตึง ให้ใบหน้าแลดูตึงกระชับ ลดเลือนรอยเหี่ยวย่นจากวัยที่มากขึ้น ปรับใบหน้าให้ดูเข้ารูป เผยความอ่อนเยาว์ให้ดูเด็กลงอย่างชัดเจน
ฉีดฟิลเลอร์ขมับ
ปรับรูปหน้าของคนที่มีลักษณะขมับยุบ ตอบ ให้ดูเป็นธรรมชาติ สมส่วนกับบริเวณต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งตรงนี้จะช่วยดึงโหนกแก้มให้ดูลดลง เพิ่มความอ่อนเยาว์ ริ้วรอยตรงขมับใกล้ดวงตาหายไป
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ ควรเตรียมความพร้อมให้กับตนเอง ดังนี้
- หากทานยาบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ เช่น วาร์ฟาริน, แอสไพริน, ยากลุ่ม NSAID ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
- หากเคยการทำศัลยกรรม ผ่าตัด หรือการฉีดสารเติมเต็มมาก่อน ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับบริการ
- ผู้มีโรคประจำตัว แพ้อาหาร แพ้ยาชนิดใดต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับบริการ
- งดอาหารเสริมหรือวิตามินทุกชนิดก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 1 สัปดาห์
หลังฉีดฟิลเลอร์แล้ว ต้องปฏิบัติตัวให้เหมาะสมเพื่อผลลัพธ์ที่ตรงจุด ดังนี้
- ประคบเย็นทุกชั่วโมง ครั้งละ 10 นาที ในวันที่ทำการฉีด โดยเอาน้ำแข็งห่อผ้าก่อนทำการประคบเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมผัสกับใบหน้าโดยตรง
- ทายาเพื่อลดรอยช้ำตามคำแนะนำของแพทย์
- กรณีรู้สึกปวดให้ทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล
- อย่านวดหน้าบริเวณที่ฉีด ยกเว้นเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า และงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ AHA วิตามิน C อย่างน้อย 24 ชม. หลังเข้ารับบริการ
- อยู่ในอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนหรือเย็นจัดจนกว่าอาการบวมแดงจะหายไป
ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน?
การฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด คนที่ยุ่งหรือเวลาน้อยก็สามารถทำได้ โดยจะเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด หากมีรอยแดงที่เกิดจากเข็มฉีด รอยดังกล่าวจะลดเลือนลงจนเป็นปกติภายใน 4-5 วัน เนื้อเจลฟิลเลอร์ จะค่อย ๆ กลืนไปกับผิวในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ 1 ครั้ง จะสามารถคงอยู่ได้นาน แต่จะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน เช่น ปริมาณสารเติมเต็มที่ใช้ ความลึกของชั้นผิวหนังที่ฉีดลงไป โดยส่วนใหญ่จะอยู่ราว ๆ 1 - 2 ปี
ความเสี่ยงของการฉีดฟิลเลอร์?
การฉีดฟิลเลอร์อาจมีความเสี่ยงและอันตรายเกิดขึ้นได้ในบางราย ปกติเมื่อฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้วจะมีอาการบวมแดง ปวดเล็กน้อย บริเวณที่ฉีดมีรอยเข็มเล็ก ๆ แต่ถ้าใช้บริการจากคลินิกที่ไม่ได้รับมาตรฐาน หรือไม่ได้รับการบริการโดยแพทย์ อาจทำให้เกิดความเสี่ยงและอันตรายร้ายแรงได้ เช่น ผู้ฉีด ฉีดผิดตำแหน่ง มีโอกาสร้ายแรงถึงขั้นเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวตายลง หรือตาบอดถาวร
นอกจากนี้ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้ ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ในประเทศต่าง ๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทยทำให้มั่นใจได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ รวมทั้งการรับบริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะทำให้สามารถรับบริการฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างปลอดภัย
ฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี?
หลักสำคัญในการเลือกว่าควรฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดีคือ โดยดูจากความน่าเชื่อถือของแพทย์ และสถานที่ให้บริการเป็นหลัก เช่น คลินิกที่มีมาตรฐานผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแล ระยะเวลาในการเปิดให้บริการ แพทย์มีชื่อเสียง การมีรีวิวที่ดี (ควรเป็นรีวิวของผู้ใช้งานจริง และมีเนื้อหาที่หลากหลาย) แบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเจอแพทย์ที่มีประสบการณ์น้อยได้พอสมควร และที่สำคัญควรมีการตรวจสอบฟิลเลอร์ที่ใช้ด้วยว่าเป็นของแท้ เพื่อลดกังวลใจว่าฉีดไปแล้วอาจเจอผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
หมายเหตุ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล