อยากลิฟกรอบหน้าต้องรู้ ฉีดโบได้ผลจริงไหม

หนึ่งในเทคนิคลิฟกรอบหน้าที่ให้ผลลัพธ์หน้าเรียวกระชับ ต้องยกให้การฉีดโบ ซึ่งกลายมาเป็นที่นิยมอย่างมากในยุคนี้ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าการลิฟกรอบหน้าด้วยการฉีดโบนั้นเห็นผลได้ชัดเจนมาก ๆ และนี่คือเหตุผลที่ทำให้การฉีดโบกลายเป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน

ฉีดโบลิฟกรอบหน้าคืออะไร

ปัญหาหน้าใหญ่ กรามบาน ได้กลายมาเป็นปัญหาในเรื่องของความงามที่ทำให้สัดส่วนของใบหน้าดูไม่สวยงาม ซึ่งสาเหตุอาจมาจากโครงสร้างของใบหน้าเดิมแต่กำเนิด หรืออาจจะมาจากอายุที่มากขึ้น ซึ่งในบางกรณีนั้นในคน ๆ เดียวอาจมีปัญหารูปหน้าได้หลากหลาย ดังนั้น การลิฟกรอบหน้าจึงเป็นการปรับรูปหน้าแบบองค์รวมที่ได้ผลและง่ายดาย

และด้วยความที่ใบหน้าที่เรียวเล็กได้กลายมาเป็นเทรนด์ความงามที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก และการฉีดโบลิฟเพื่อลิฟกรอบหน้านั้นเป็นการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลงและให้ใบหน้าดูวีเชพได้รูปตามสมัยนิยมมากขึ้น 

การลิฟกรอบหน้า คือ การฉีดโบไปยังบริเวณผิวหนังชั้นตื้น โดยจะทำการฉีดที่บริเวณกรอบหน้าและใต้คางเพื่อยกกระชับกรอบหน้าให้ดูเรียวเล็กและได้รูปมากยิ่งขึ้น วิธีการปรับรูปหน้าวิธีนี้มอบความสะดวกสบาย เนื่องจากสามารถทำได้เสร็จรวดเร็ว กลับบ้านไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ และไม่จำเป็นต้องพักฟื้นใด ๆ หลังทำ อีกทั้งยังไม่ต้องเจ็บตัวเหมือนกับการเข้ารับผ่าตัดให้เจ็บตัวอีกด้วย

การลิฟหน้าช่วยเรื่องอะไรบ้าง และมีข้อควรระวังอย่างไร

ข้อดีของการลิฟกรอบหน้าด้วยการฉีดโบ นอกจากจะทำได้ง่ายแล้ว ลิฟกรอบหน้าราคาไม่แพงเหมือนการผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นตัวอีกด้วย การลิฟหน้าด้วยการฉีดโบยังสามารถเห็นผลได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องรอเวลา 3-4 วัน โดยหลังจากผ่านการลิฟหน้าแล้ว จะได้ผลลัพธ์ คือ ผิวบริเวณรอบ ๆ กรอบหน้าดูยกกระชับมากยิ่งขึ้น และใบหน้าดูเรียวเล็ก เป็นวีเชฟ และกรอบหน้าดูคมชัดได้รูปมากยิ่งขึ้น

เห็นว่ามีแต่ข้อดีแบบนี้ จริง ๆ แล้วการลิฟหน้าก็มีข้อจำกัดและข้อควรระวังด้วยเช่นเดียวกัน นั่นก็คือผลลัพธ์ของการโบลิฟกรอบหน้านั้นจะอยู่ได้เพียงชั่วคราว ไม่คงทนถาวร ดังนั้นจึงต้องกลับไปฉีดเติมอยู่เรื่อย ๆ นอกจากนี้ ยังต้องระมัดระวังเรื่องของโบปลอมที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้และอาจทำให้การลิฟกรอบหน้าไม่เห็นผล และการฉีดโบลิฟกรอบหน้านั้นยังทำให้เกิดอาการดื้อโบได้

การฉีดโบเพื่อลิฟกรอบหน้านั้นจำเป็นต้องใช้บริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผู้มีประสบการณ์ เนื่องจากจำเป็นต้องฉีดเป็นจุดอย่างแม่นยำ ดังนั้น หากฉีดผิดจุดหรือไม่แม่นยำ อาจทำให้เกิดอันตรายหรืออาจทำให้รูปหน้าเบี้ยวได้

เทคนิคฉีดโบลิฟกรอบหน้ามีอะไรบ้าง

สำหรับการฉีดโบลิฟต์กรอบหน้านั้น จะใช้เทคนิค Dermolifting คิดค้นโดย Dr. Lee Young Seob ศัลยแพทย์ตกแต่งชื่อดัง จากประเทศเกาหลี โดยจะเป็นการฉีดโบไปยังบริเวณผิวหนังชั้นตื้น ตามแนวกรอบหน้าตามแนวเวกเตอร์แรงดึงที่ส่งผลให้ผิวดูตึงกระชับขึ้น โดยการฉีดด้วยวิธีนี้จะช่วยกระตุ้นเซลล์ fibroblast ที่เป็นเซลล์ต้นกำเนิดของการผลิตเส้นใยคอลลาเจนให้ตื่นตัว และมีการสร้างเส้นใยคอลลาเจนทำให้เห็นผลเรื่องหน้าแลดูยกกระชับได้ทันทีหลังฉีด

เทคนิคการฉีดโบลิฟกรอบหน้าด้วยเทคนิค Dermolifting นั้นจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับกรอบหน้าอย่างเห็นผลด่วนทันใจ แต่แนะนำว่าไม่ควรลิฟกรอบหน้าด้วยวิธีนี้บ่อย ๆ เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการดื้อโบได้

เปรียบเทียบ "การฉีดโบลิฟกรอบหน้า" VS "การฉีดโบลดกราม" ต่างกันอย่างไร

เมื่อพูดถึงบริการทั้งสอง หลาย ๆ คนอาจจะสับสนว่าทั้งสองบริการที่เป็นการฉีดโบเหมือน ๆ กันจะมีความแตกต่างกันอย่างไร และการฉีดโบลิฟกรอบหน้าและการฉีดโบลดกรามนั้นเหมาะกับความต้องการแบบไหน ซึ่งการฉีดโบลิฟกรอบหน้าและการฉีดโบลดกรามนั้น มีความแตกต่าง ดังนี้

การฉีดโบลิฟกรอบหน้า

การฉีดโบลดกรอบหน้านั้นจะเป็นการฉีดสารไปยังบริเวณผิวหนังชั้นตื้น โดยจะเน้นฉีดไปที่บริเวณกรอบหน้า และใต้คาง เพื่อให้ใบหน้าบริเวณที่หย่อนคล้อยดูตึงกระชับมากยิ่งขึ้น

การฉีดโบลิฟกรอบหน้าเหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าดูกระชับได้รูป อีกทั้งผลลัพธ์ที่ได้คือใบหน้าดูมีมิติ ดูเด็ก และดูอ่อนเยาว์ลง

การฉีดโบลดกราม

สำหรับการฉีดโบเพื่อจุดประสงค์ในการลดกรามนั้น จะเป็นการฉีดสารเพื่อเข้าไปคลายกล้ามเนื้อบริเวณกราม ทำให้กรามดูเล็กลง ใบหน้าดูแคบลง และดูเรียวเล็กมากยิ่งขึ้น

การฉีดโบลดกรามนั้นจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีรูปหน้าใหญ่หรือกรามบานจากกล้ามเนื้อในบริเวณนั้นเยอะจนเกินไป

ฉีดโบลิฟหน้ากี่วันเห็นผล และอยู่ได้นานไหม

คำถามที่ว่าฉีดโบกี่วันเห็นผลนั้น การฉีดโบลิฟกรอบหน้านั้นจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์จึงจะเห็นผลได้อย่างชัดเจน โดยผลลัพธ์ที่สังเกตได้คือรูปหน้าจะกระชับขึ้น กรอบกรามจะชัดขึ้น อีกทั้งยังสามารถลดเหนียงใต้คางได้อีกด้วย

หากถามว่าการฉีดโบลิฟหน้านั้นจะอยู่ได้นานแค่ไหน การฉีดด้วยเทคนิค Dermolifting ผลลัพธ์จะอยู่ได้ยาวนานประมาณ 3 เดือน 

ฉีดโบลิฟหน้าอันตรายไหม และข้อควรรู้ก่อนฉีด

การฉีดโบลิฟหน้านั้นมีความปลอดภัย หมดกังวลว่าฉีดโบอันตรายไหม และผลข้างเคียงใด ๆ หากเลือกใช้บริการกับคลินิกความงามที่ผ่านการรับรองและได้มาตรฐาน แต่หากเลือกคลินิกเถื่อนอาจเสี่ยงที่จะทำแล้วไม่เห็นผล เกิดผลข้างเคียง ใบหน้าผิดรูป หรือที่แย่ไปกว่านั้น คือ การใช้โบปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน

สิ่งที่ต้องระมัดระวังและใส่ใจเป็นพิเศษก่อนฉีดโบลิฟหน้า คือ หลีกเลี่ยงการใช้โบปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจส่งผลต่อผลลัพธ์หลังการฉีดและอาจส่งผลต่อสุขภาพด้วยเช่นเดียวกัน โดยการใช้โบปลอมอาจส่งผลเสีย ดังนี้

  • ฉีดไม่ได้ผล เพราะตัวยาอาจไม่เข้มข้นและไม่มีประสิทธิภาพมากพอ
  • หนังตาตก ปากเบี้ยว จากการที่ตัวยากระจายไปโดนกล้ามเนื้อมัดอื่น
  • เนื่องจากตัวยาไม่มีความบริสุทธิ์ จึงอาจส่งผลให้เกิดอาการแพ้ได้
  • ตัวยาหมดฤทธิ์ไว จึงต้องฉีดบ่อยขึ้น จึงเสี่ยงต่อการดื้อยา
  • เกิดอาการดื้อโบไม่ว่าจะฉีดลิฟกรอบหน้ากี่ยูนิตก็จะไม่เห็นผล และไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้

หลังฉีดโบลิฟหน้าดูแลตัวเองยังไงบ้าง

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบลิฟหน้านั้นถือเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมาก ๆ เนื่องจากการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง นอกจากจะช่วยให้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน แต่ยังช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้คงทนยาวนาน และตัวยาสลายช้ามากที่สุด การดูแลตัวเองหลังฉีดโบลิฟหน้าสามารถทำได้ ดังนี้

  • หมั่นไปเติมอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรบ่อยจนเกินไป โดยควรฉีดเว้น 3 เดือนเป็นอย่างต่ำ แต่ไม่ควรเกิน 5-6 เดือนเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่อย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ดื้อโบ

ข้อห้ามที่ควรรู้หลังฉีดโบลิฟกรอบหน้า

หลังจากเข้ารับบริการฉีดโบลิฟหน้าแล้ว คุณหมอจะมีข้อห้ามต่าง ๆ หลังฉีดลิฟหน้า ซึ่งอาจไม่แตกต่างจากข้อห้ามหลังฉีดโบทั่ว ๆ ไป ดังนี้

  • งดนวดหน้าหรือกดบริเวณที่เพิ่งทำการฉีดโบลิฟกรอบหน้า
  • งดกิจกรรมที่ทำให้ต้องสัมผัสความร้อนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เช่น การทำเซาว์น่า โยคะร้อน หรือทำเลเซอร์ เป็นต้น
  •  งดการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ (หรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนะนำให้งดเป็นอย่างน้อย 48 ชั่วโมง)
  • งดทานอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ เช่น หิ้งย่าง หมูกระทะ ชาบู เป็นต้น