ปัญหาผิวหยาบกร้าน แสบคัน เป็นขุย หลาย ๆ คนอาจคิดว่าเป็นอาการของผิวแห้ง แต่จริง ๆ แล้วอาจเกิดจากผิวขาดน้ำได้เช่นกัน สาว ๆ เองจะทราบดีว่าหากผิวขาดน้ำ จะพบกับปัญหามากมาย ซึ่งผิวขาดน้ำและผิวแห้งมีความคล้ายกันแต่การดูแลรักษากลับต่างกันโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ผิวขาดน้ำ ยังมีทั้งผิวแห้งขาดน้ำ ผิวมันขาดน้ำ อีกด้วย แล้วปัญหาผิวขาดน้ำและผิวแห้งแตกต่างกันอย่างไร มีวิธีฟื้นฟูผิวให้กลับมาเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น น่าสัมผัสได้อย่างไร ผิวขาดน้ำใช้อะไรดี บทความนี้มีคำตอบ
ผิวแห้ง (Dry skin) คือ ประเภทของผิวหรือลักษณะของผิวพรรณที่มีมาแต่กำเนิด แต่ละคนจะมีสภาพผิวแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการทำงานของต่อมไขมันใต้ชั้นผิว
ผิวขาดน้ำ (Dehydrated skin) คือ สภาวะผิวที่มีน้ำใต้ผิวน้อย ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ในช่วงที่ผิวได้รับความชุ่มชื้นไม่มากพอ ทำให้ผิวหน้าผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ เพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่เสียไป เกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้ที่มีผิวผสม ผิวแห้ง และผิวมัน จึงอาจทำให้รู้สึกว่าบางเวลาหน้าก็มันบางเวลาหน้าก็แห้ง หรือบางครั้งสังเกตได้ว่าระหว่างวันผิวหน้ามักจะมีความมันนั่นเอง
ผิวขาดน้ำกับผิวแห้ง มีความคล้ายกันจนหลายคนคิดว่าเป็นปัญหาผิวเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วมีความแตกต่างกัน นั่นก็คือ ผิวขาดน้ำ จะมีสภาพผิวที่ทั้งแห้งและมันในวันเดียว เช่น หลังล้างหน้าเสร็จใหม่ ๆ ผิวแห้งตึง แต่ผ่านไปสักพักก็กลับมามันอีก มีอาการแบบผิวหน้าขาดน้ำ เป็นต้น ในขณะที่ผิวแห้ง จะมีความแห้งตลอดทั้งวัน ความมันบนผิวไม่เพิ่มขึ้น มีแต่จะลดลงไปตามอายุ
ผิวขาดน้ำในแต่ละลักษณะผิวหน้า
ผิวแห้ง
สำหรับคนที่มีประเภทของผิว ‘เป็นคนผิวแห้ง’ เมื่อผิวขาดน้ำจะยังมีน้ำมันออกมาเคลือบผิวอยู่แต่น้อยกว่าคนผิวมันหรือผิวผสม ทำให้ไม่มีความมันเท่า เรียกว่า “ผิวแห้งขาดน้ำ” จะมีอาการหยาบกร้าน ผิวแห้งหยาบ ลอกเป็นขุย มีโอกาสแสบ คันได้ง่าย
ผิวมัน
สำหรับคนที่มีประเภทของผิว ‘เป็นคนผิวมัน’ เมื่อเกิดปัญหาขาดน้ำ จะยิ่งทำให้ผิวผลิตน้ำมันออกมาชดเชยมากกว่าปกติ เรียกว่า “ผิวมันขาดน้ำ” เป็นลักษณะผิวที่มีน้ำมันเคลือบอยู่มากแต่ก็มีความแห้งกร้าน ไม่เรียบเนียน อาจเกิดจากการล้างหน้าบ่อยเกินไป การพยายามขจัดความมันออกมากเกินไป ไม่ได้เติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า จนทำให้ต่อมไขมันเร่งสร้างน้ำมันขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิม การจัดความมันผิดวิธี เป็นต้น
ผิวผสม
สำหรับคนที่มีประเภทของผิว เป็นคนผิวผสม อาการขาดน้ำจะคล้าย ๆ กับคนผิวมัน แต่จะมีความมันแบบ ผิวมันขาดน้ำ เน้นที่บริเวณหน้าผาก จมูก และคาง หรือบริเวณทีโซนมากกว่าบริเวณอื่น ส่วนบริเวณอื่นอาจจะมีอาการผิวลอก แห้ง ผิวอักเสบ แบบผิวแห้งขาดน้ำ
วิธีสังเกตว่าตัวเองผิวขาดน้ำ / ผิวแห้งแล้วหรือยัง
อาการผิวขาดน้ำ
อาการผิวแห้ง
แม้ว่าเราจะสามารถบำรุงผิวพรรณได้ด้วยการทาครีม แต่การใช้สกินแคร์ก็สามารถบำรุงได้แค่ผิวชั้นตื้น หรือชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น สำหรับใครที่อยากมีผิวสุขภาพดี ต้องการแก้ปัญหาผิวขาดน้ำ ไม่ชุ่มชื้น ผิวแห้งกร้านและรอยหมองคล้ำอย่างล้ำลึก ขอแนะนำนวัตกรรมที่ช่วยเติมผิวให้สวย ดูสุขภาพดี ผิวหน้าฉ่ำวาว ด้วย Original SKINBOOSTERS Treatment นวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ที่ชั้นผิวหนังแท้ ด้วย Hyaluronic Acid (HA) ทรีทเมนต์นี้ที่จะทำให้ในผิวชั้นลึกหรือชั้นหนังแท้ แบบที่สกินแคร์ให้ไม่ได้ ให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู แข็งแรงจากภายใน ผลลัพธ์ยาวนานถึง 1 ปี
สาร Hyaluronic Acid (HA) ใน Original SKINBOOSTERS Treatment จะเข้าไปบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกถึงชั้นผิวด้านใน หลังจากนั้นความชุ่มชื้นจะค่อย ๆ ปล่อยออกมาช้า ๆ และต่อเนื่อง เสมือนมีเขื่อนกักเก็บน้ำใต้ผิว ทำให้ผิวบริเวณต่าง ๆ มีความชุ่มชื้นอย่างเหมาะสม ช่วยแก้ปัญหาผิวขาดน้ำได้ ไม่ว่าจะผิวมันขาดน้ำหรือผิวแห้งขาดน้ำ และนอกจากจะแก้ปัญหาผิวขาดน้ำและช่วยให้ผิวดูมีสุขภาพดีแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้อีกด้วย ทำให้ริ้วรอย รอยสิว รอยเหี่ยวย่นลดลง รูขุมขนดูกระชับ ใบหน้าฉ่ำวาวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งวิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาผิวขาดน้ำได้แบบเร่งด่วน เห็นผลลัพธ์ทันที ที่สำคัญมีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะได้รับการพิสูจน์และยืนยันผลลัพธ์ทางการแพทย์แล้วว่ามีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจากอย. ในประเทศไทย และสหรัฐอเมริกา ได้รับการยอมรับการใช้งานมากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก
นอกจากการบูสต์ผิวให้สุขภาพดี ชุ่มชื้นฉ่ำน้ำอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว กัลเดอร์มา ยังมีผลิตภัณฑ์ความงามอื่น ๆ ที่มอบความสวยได้อย่างปลอดภัยและได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น
มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์โดย กัลเดอร์มา เป็นของแท้ สามารถตรวจสอบได้ ด้วย Application eZtracker พร้อมทั้งมีมาตรฐานในการบริการ โดยแพทย์จากคลินิก Partner จะเข้าร่วม Training ผลิตภัณฑ์ ก่อนจะไปฉีดให้กับลูกค้าจริง มั่นใจ สวยได้อย่างปลอดภัย